วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

ตอบคำถามท้ายบทที่ 4

คำถามประจำบทที่   4
1.    จงอธิความสำคัญของการท่องเที่ยวที่มีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ตอบ แหล่งท่องเที่ยวจัดเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและยังช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาในประเทศ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทรัพยากรทางการท่องเที่ยว และจุดหมายปลายทาง  และสิ่งที่ดึงดูดใจ


2.           Tourism  Resources  Destination และTourism  Attraction หมายถึงอะไร
ตอบ    1.ทรัพยากรทางการท่องเที่ยว Tourism  Resources  คือ  สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งมนุษย์สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ
            2.จุดหมายปลายทาง   Destination  คือ  สถานที่ที่ใดที่หนึ่ง อาจเฉพาะเจาะจงหรืออาจเป็นสถานที่ทั่วไป  หรืออาจหลายสถานที่
            3.สิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยวTourism  Attraction คือ สถานที่ที่มีศักยภาพในการดึงดูดให้คนเดินทางเข้าไปเยี่ยมชม


3.           ให้นักศึกษายกตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวในภูมิลำเนาของนักศึกษา  พร้อมอธิบายถึงคุณสมบัติที่ดีของ แหล่ง ท่องเที่ยว  ( 3As) นั้นมาให้เข้าใจ
ตอบ  วัดพระธาตุเมืองนคร  เป็นสถานที่ขึ้นชื่อมากที่สุดของนครศรีธรรมราช เป็นวัดที่ เก่าแก่มาก มี  ประติมากรรมสวยงามหลายอย่างที่น่าสนใจ รวมถึงมียอดพระธาตุเป็นทองคำแท้  เมื่อเข้าไปในวัดมีไกด์พาชมวัด พร้อมการให้ความรู้  และมีรถในการนั่งชมวัดด้วย


4.           แหล่งท่องเที่ยวที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้กำหนดไว้  สำหรับในกรณีของประเทศไทย มีกี่ประเภท  อะไรบ้าง
ตอบ  มี 3 ประเภท  ได้แก่
แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ
แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น
แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และกิจกรรมของผู้คนในท้องถิ่น


5.     จงยกตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นศิลปวัฒนธรรม  ประเพณี  และกิจกรรมของภาคต่างๆในประเทศไทย  อย่างน้อยภาคละ 3 แหล่งท่องเที่ยว
ตอบ   ภาคใต้  ได้แก่  เทศกาลงานสารทเดือนสิบ  วัดพระธาตุ  หนังตะลุงกับ มโนราห์
ภาคกลาง  ได้แก่ ลอยกระทง  สวนสนุก  วัดพระแก้ว
ภาคเหนือ  ได้แก่  ดอยสุเทพ    วิถีชีวิตของชุมชนชาวเขา   การลอยโคม
ภาคอีสาน  ได้แก่   งานบุญบั้งไฟ   แห่นางแมว  ผีตาโขน

ตอบคำถามท้ายบทที่ 3

คำถามประจำบทที่ 3
1.         ทฤษฏีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็นของ Maslow นำมาใช้อธิบายพฤติกรรมการท่องเที่ยวได้อย่างไร
ตอบ    กล่าวไว้ว่า  มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความต้องการและมนุษย์จะแสดงพฤติกรรมต่างๆออกมาเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการและความต้องการจำเป็นต่างๆของมนุษย์จะไม่มีวันจบสิ้นเมื่อความต้องการอย่างหนึ่งได้รับการตองสนองแล้ว  ความต้องการอีกระดับหนึ่งจะเกิดมาแทนที่



2.           แรงจูงใจที่ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ มีอะไรบ้าง
ตอบ  1.แรงจูงใจที่จะได้สัมผัสสิ่งแวดล้อม
         2.แรงจูงใจที่จะไดพบปะกับคนในท้องถิ่น
         3.แรงจูงใจที่จะได้เข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและประเทศเจ้าบ้าน
         4.แรงจูงใจที่จะเสริมสร้างสัมพันธภาพในครอบครัว
         5.แรงจูงใจที่จะไดพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่สบาย
         6.แรงจูงใจที่จะได้ทำกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสนใจและฝึกทักษะ
         7.แรงจูงใจที่จะมีสุขภาพดี        
         8.แรงจูงใจที่ไดรับการคุ้มกันและความปลอดภัย
        9.แรงจูงใจที่จะได้รับการยอมรับนับถือและได้รับสถานภาพทางสังคม
         10.แรงจูงใจที่จะให้รางวัลกับตัวเอง


3.           จงอธิบายโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ตอบ    โครงสร้างพื้นฐานหลักๆในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว  ได้แก่
-ระบบไฟฟ้า    จะต้องมีใช้เพียงพอ  ทั่งถึงและใช้การได้ดี
-ระบบประปา  ควรมีความสะอาด  ถูกหลักอนามัย  มีปริมาณเพียงพอและมีการกระจายอย่างทั่วถึง
-ระบบสื่อโทรคมนาคม  ต้องมีความสะดวก  รวดเร็ว มีปริมาณหน่วยที่เพียงพอ
-ระบบการขนส่ง   ควรมีเส้นทางการคมนาคมครอบคลุมทุกพื้นที่  และให้มีความเชื่อมโยงกัน
-ระบบสาธารณสุข  ต้องทันสมัย สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย  และควรมีสถานพยาบาลในท้องถิ่น


4.           ลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ  มีความสำคัญอย่างไรกับการท่องเที่ยว
           ตอบ   การท่องเที่ยวจำเป็นที่จะต้องพึงพาธรรมชาติ 
                ดังนั้นลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ  จึงมีความ 
                สำคัญกับการท่องเที่ยว เพราะปัจจัยที่ธรรมชาติสร้าง
                           ขึ้นมาเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจทางการท่องเที่ยวได้อย่างมาก
               ทำให้ลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ 
               มีความสำคัญกับการท่องเที่ยว

ตอบคำถามท้ายบทที่ 2

คำถามประจำบทที่ 2
1. ท่านคิดว่าการเปิดสปาในเมืองบาธขึ้นมาใหม่จะประสบความสำเร็จแค่ไหนและสปาอื่นๆ จะกลับมามีชีวิตใหม่ได้หรือไม่ในอังกฤษอธิบายว่าทำไมสปาในอังกฤษไม่เป็นที่นิยมขณะที่ยุโรปเป็นที่นิยม
ตอบ    สปาในเมืองบาธจะกลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้งและจะต้องเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด  สาเหตุที่ทำให้สปาในอังกฤษไม่เป็นที่นิยมเพราะเมื่อก่อนเมืองบาธเป็นเมืองแห่งสปาและน้ำแร่มากมาย ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวประเภทสปา ที่เป็นที่นิยมมาถึงปัจจุบัน  แต่การเดินทางไปบำบัดรักษาโรคด้วยน้ำแร่กลายมาเป็นสถานภาพทางสังคมอย่างรวดเร็วทำให้บรรดาสถานบำบัดเปลี่ยนโฉมมาเป็นสถานรักษาสุขภาพมาเป็นสถานที่เพื่อความเพลิดเพลินของเมืองคนชั้นสูงและกลายมาเป็นเมืองแห่งแฟชั่นของคนร่ำรวยทำให้ยุคเฟื่องฟูของน้ำแร่ในอังกฤษสิ้นสุดลง  จึงทำให้สปาในอังกฤษไม่เป็นที่นิยมเท่ากับในยุโรป



 
2.           ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวหลายอย่างของผู้ประกอบการ ตามความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป จงอภิปรายว่าการเปลี่ยนแปลงอะไรที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการที่จะสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน
ตอบ การตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวมีความพึงพอใจ  รวมถึงการสร้างจุดเด่นหรือเอกลักษณ์ให้กับตัวเอง  เพื่อสร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยว  เพราะปัจจุบันมีการแข่งขันกันอย่างมากมายถ้าเราไม่มีจุดเด่นก็จะทำให้ไม่มีสิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้




 
3.           ทำไมประเทศอังกฤษจึงเป็นผู้บุกเบิกที่สำคัญในด้านการท่องเที่ยว
ตอบ  เพราะประเทศอังกฤษเป็นประเทศที่มีอาณาจักรมากมาย  ส่งผลให้อังกฤษเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย  รวมถึงประเทศอังกฤษยังเป็นประเทศที่มีคนร่ำรวยมาก การค้าขายกับต่างประเทศมีมากขึ้น  และที่สำคัญคนอังกฤษชอบส่งลูกหลานไปเรียนที่ต่างประเทศกับอาจารย์ผู้สอนประจำตัว เป็นการเดินทางที่เรียกว่า  Grand Tour   จึงทำให้ประเทศอังกฤษเป็นผู้บึกเบิกที่สำคัญในการท่องเที่ยว

ตอบคำถามท้ายบทที่ 1

คำถามประจำบทที่ 1
1.           จงอธิบายความหมายของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ตอบ    อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หมายถึง การประกอบกิจกรรมด้วยการนำปัจจัยการผลิตต่างๆ มาผลิตบริการอย่างใดอย่างหนึ่งด้านการท่องเที่ยว ที่ก่อให้เกิดความสะดวกสบายหรือความพึงพอใจ และขายบริการด้านการท่องเที่ยวนั้นให้แก่ผู้เยี่ยมเยือน
2.           การเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวมีเกณฑ์ใดเป็นตัวกำหนด  จงอธิบายและยกตัวอย่างการเดินทางที่เป็นการท่องเที่ยวประกอบ
ตอบ  มีวัตถุประสงค์ที่จะเดินทางไป และสิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยว ยกตัวอย่าง
การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม เป็นการท่องเที่ยวเพื่อต้องการศึกษาวัฒนธรรมของประเทศหรือสถานที่ที่ตนเองไปเยี่ยมเยือน เพราะวัฒนธรรมเหล่านั้นมีความแตกต่างไปจากวัฒนธรรมของตนเอง  ซึ่งโดยส่วนมากมักจะเป็นสิ่งที่จับต้องได้ มองเห็น เป็นวัตถุหรือเป็นการแสดง เป็นต้น เช่น  ชมตลาดน้ำ  ชมการรำไทย มวยไทย การชมวัด ชมวัง อุทยานประวัติศาสตร์
3.           ผู้มาเยี่ยมเยือนมีกี่ประเภท อะไรบ้าง  จงอธิบาย
ตอบ มี  2  ประเภท  ได้แก่
1.นักท่องเที่ยว
(Tourist) หมายถึง ผู้ที่มาเยือนชั่วคราว ซึ่งพักอยู่ ณ สถานที่ที่ไปเยือนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง และมีการพักค้างคืนอย่างน้อย 1 คืน แต่ไม่เกิน 1 ปี ได้แก่
     -ผู้ที่ไม่มีถิ่นพำนักอยู่ในสถานที่ที่ไปเยือน
     -ผู้ที่มีสัญชาติของประเทศนั้นหรือเดิมเป็นคนในถิ่นนั้น แต่ปัจจุบันไม่ได้มีถิ่นพำนักในสถานที่ที่ไปเยือนแล้ว
     -ผู้ที่เป็นลูกเรือ ซึ่งไม่มีถิ่นพำนัก ณ สถานที่ที่ไปเยือน และมีการค้างคืน ณ สถานที่ที่ไปเยือน
2.นักทัศนาจร (Excursionist) คือผู้มาเยือน ซึ่งพักอยู่ ณ สถานที่นั้นน้อย 24     ชั่วโมง   ได้แก่
                  -ผู้โดยสารเรือสำราญหรือเรือเดินสมุทร ซึ่งมาแวะพักชั่วคราว ไม่พักค้างคืน
                  -ผู้ที่มาเยือนและจากสถานที่นั้นภายในวันเดียว
(same-day visitor)
4.           จงอธิบายวัตถุประสงค์ของการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวมาให้เข้าใจ
ตอบ   แบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1.การเดินทางเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน   เป็นการเดินทางที่นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเพื่อความสนุกสนานและเพลิดเพลิน
2.การเดินทางเพื่อธุรกิจ เป็นการเดินทางที่ควบคู่ไปกับการทำงาน แต่มิใช่เพื่อประกอบอาชีพ
3. การเดินทางเพื่อวัตถุประสงค์อื่น อาจเรียกได้ว่าเป็นการเดินทางด้วยวัตถุประสงค์เฉพาะ  และสลับซับซ้อนการไปพักผ่อนหรือประชุม ยกตัวอย่างเช่น
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  เพราะเราอยากไปดำน้ำดูปะการัง  เราก็ต้องไปเที่ยวทะเล
5.           การท่องเที่ยวที่แบ่งตามสากลมีกี่ประเภท  อะไรบ้าง
ตอบ  แบ่งตามสากล  ได้แก่
        1.การท่องเที่ยวภายในประเทศ (
Domestic Tourism)
        2.การท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ (Inbound Tourism)
        3.การท่องเที่ยวนอกประเทศ (Outbound Tourism

6.           จงอธิบายความสำคัญของการท่องเที่ยวต่อเศรษฐกิจ
ตอบ  ความสำคัญของการท่องเที่ยวต่อเศรษฐกิจ  ทำให้เป็นแหล่งที่มาของเงินตราต่างประเทศ  ช่วยลด   ปัญหาการขาดดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ  ช่วยสร้างอาชีพและการจ้างงาน ช่วยให้เกิดการกระจายรายได้ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตทางเศรษฐกิจ

สรุปบทที่2 วิวัฒนาการของการท่องเที่ยว

บทที่2 วิวัฒนาการของการท่องเที่ยว
วิวัฒนาการของการท่องเที่ยวอาณาจักร บาบิโลน ( Babylonian Kingdom) และอาณาจักรอิยิปต์    ( Egyptian Kingdom)
-การจัดตั้งพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ ( Historic Antiquities)  2600 ปีมาแล้วในอาณาจักรบาบิโลน
-มีการจัดงานเทศกาลทางด้านศาสนา มีการพบหลักฐานจากข้อความที่นักเดินทางเขียนไว้ที่ผนัง หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ
จักรวรรดิกรีกและจักรวรรดิโรมัน
ลักษณะการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวสมัยกรีก
- เป็นการปกครองแบบนครรัฐ (City State) ทำให้ไม่มีผู้นำสั่งการให้สร้างถนน จึงนิยมเดินทางทางเรือ
- สถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้า
- เดินทางเพื่อแสวงหาความรู้ เนื่องจากสมัยกรีกนี้มีนักปราชญ์เป็นจำนวนมาก อาทิ อริสโตเติล พลาโต
-เพื่อการกีฬา โดนเฉพาะในกรุงเอเธนส์
- เมื่อมีการเดินทาง ทำให้เกิดการสร้างที่พักแรมระหว่างทาง เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเพียงแค่ห้องนอนแคบๆ เท่านั้น


สมัยโรมัน
ได้รวบรวมจักรวรรดิกรีก เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร และได้นำเอาวัฒนธรรม ธรรมเนียม ความหรูหราต่างๆ ไปพัฒนาเป็นแบบโรมัน
-สมัยโรมันเป็นสมัยที่การท่องเที่ยวรุ่งเรืองที่สุดในยุคโบราณ จนมีนักวิชาการปัจจุบัน กล่าวว่า แม้ว่าชาวโรมันจะมิใช่ชาติแรกที่เดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ เพื่อความเพลิดเพลินก็ตาม แต่ชาวโรมันก็เป็นชนชาติแรกที่แท้จริงที่สร้างวัฒนธรรมการท่องเที่ยวระบบมวลชนเป็นครั้งแรก (Mass Tourism)
-ชาวโรมันนิยมเดินทางไปชมความสำเร็จของวิทยาการของกรีก อนุสาวรีย์ต่างๆ รูปแกะสลัก ตลอดจนงานเทศกาล
-โครงสร้างพื้นฐานถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นระบบ ทั้งถนนหนทาง ที่พักแรม (Inns) ร้านอาหาร ตลอดจนการรักษาความปลอดภัย
ยุคกลาง หรือ ยุคมืด ( Middle Age or Dark Age)ประมาณ ค.ศ. 500-1500
-เป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ศาสนาเข้ามามีบทบาทในการกำหนดการดำเนินชีวิตของผู้คน
-วันหยุด (Holy Days) เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
-คนชั้นกลางและชั้นสูงนิยมเดินทางเพื่อแสวงบุญ ในระยะทางไกลในเมืองต่างๆ ตามหลักฐานที่ปรากฏเป็นนิทานเรื่อง Canterbury’s tales
-การเฟื่องฟูของอาชีพมัคคุเทศก์
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ( Renaissance)
ลักษณะสำคัญของการท่องเที่ยวในยุคนี้คือ
-เกิดการพัฒนาทางด้านการค้า
-ผู้คนเริ่มใฝ่รู้เกี่ยวกับเรื่องของยุโรปสมัยก่อน โดยเฉพาะชาวอังกฤษที่ร่ำรวย นิยมส่งบุตรชายออกเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับผู้สอนประจำตัว (Travelling Tutors) เป็นระยะเวลา 3 ปี เรียกว่าแกรนด์ทัวร์ (Grand Tour) โดยมีจุดมุ่งหมายที่ประเทศ อิตาลี
-อาจเรียกแกรนด์ทัวร์ว่า เป็นการท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาก็ได้
สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18-19
-สังคมเริ่มเปลี่ยนจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม เกิดการล่าอาณานิคมขึ้น
-ที่พักแรมได้รับการพัฒนามาตามลำดับ กลายมาเป็นโรงแรม แทนที่ inns ต่างๆ
-การโยกย้ายถิ่นฐาน ไปยังดินแดนใหม่ๆ นอกยุโรป อาทิ ไป อเมริกา
-มีการพัฒนาประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ กับเรือกลไฟแบบกังหันข้างผสมใบ ทำให้เกิดการเดินทางได้เร็วขึ้น
-มีการพัฒนากิจการรถไฟ และในปี ค.ศ. 1841 โทมัส คุก ( Thomas Cook) ได้จัดนำเที่ยวทางรถไฟแบบครบวงจรเป็นครั้งแรก ที่อังกฤษ ในขณะที่ เฮนรี เวลส์ ก็จัดกิจการนำเที่ยวขึ้นในอเมริกาเช่นกัน



ยุคศตวรรษที่ 20
การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ความสะดวกสบายมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ที่พักแรม เงินตรา เอกสารการเดินทาง
-ผู้คนหันมานิยมการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟลดน้อยลง
-พัฒนาของอุตสาหกรรมการบิน ที่เริ่มขึ้นในยุโรป ปี ค.ศ. 1919 และเริ่มขนส่งผู้โดยสาร ในช่วงหลักสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
-ช่วงหลังสงครามโลก ผู้คนออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางการสงคราม อาทิ หาดนอร์มังดีที่ฝรั่งเศส
วิวัฒนาการการท่องเที่ยวของไทย
สมัยสุโขทัย
-การเดินทางเป็นไปอย่างอิสรเสรี โดยส่วนมากเป็นไปเพื่อการค้าขาย และทางศาสนา
-ส่วนมากเป็นการเดินทางภายในประเทศเท่านั้น





สมัยอยุธยา
เนื่องจากเป็นอาณาจักรใหญ่ และระบบสังคมเป็นแบบ ศักดินา ผู้คนไม่ค่อยมีอิสระในการเดินทางมากนัก นอกจากไปเพื่อการค้าเล็กๆ น้อย ส่วนด้านการเดินทางเพื่อการพักผ่อน ไม่ค่อยปรากฏ เพราะประชาชนส่วนมามีเวลาว่างไม่มากนัก มักจะอยู่กับบ้านมากกว่า
-มีปรับปรุงเส้นทางทางน้ำเพื่อการคมนาคม ตลอดจนเส้นทางทางบก เพื่อความสะดวกสบายทางด้านการค้าเป็นหลัก และเพื่อการเดินทาง
กลุ่มคนที่มีการเดินทางในสมัยอยุธยา มักจะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในชนชั้นปกครอง ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ และบรรดาขุนนางทั้งหลาย ในบางครั้งอาจจะมีไพร่ทาสติดตามไปเพื่อรับใช้เช่นกัน ในประมาณปี ค.ศ. 1511 โปรตุเกสเป็นชาติตะวันตกชาติแรกที่เดินทางเข้ามายังอาณาจักรอยุธยา ตามมาด้วย ญี่ปุ่น อังกฤษ สเปน ฮอลันดา ฝรั่งเศส ผลจากการเข้ามาของชาวต่างชาติในสมัยอยุธยา  ทำให้เกิดความเป็นนานาชาติในพระนครศรีอยุธยามากขึ้น ทำให้เกิดการผสมผสานวัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ ทั้งของตะวันตก และของไทย ที่น่าสนใจคือ มีบันทึกการเดินทางของชาวตะวันตกที่เขียนเอาไว้เกี่ยวกับ ชีวิตความเป็นอยู่ การเดินทาง สถานที่ต่างๆ ในอาณาจักรอยุธยา แล้วนำกลับไปตีพิมพ์เผยแพร่ที่ตะวันตก ก่อให้เกิดการเดินทางเข้ามายังเอเชีย และอยุธยา มากขึ้น ในฐานะที่อยุธยาเป็นดินแดนของสินค้าของป่า เครื่องเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ ที่สามารถสร้างกำไรให้มหาศาลแก่พ่อค้าชาวตะวันตก กล่าวได้ว่าอาณาจักรอยุธยา รุ่งเรืองมากทั้งทางด้านศิลปวิทยากร วัฒนธรรม ประเพณี บ้านเมืองร่ำรวย ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  มีการแลกเปลี่ยนคณะทูตานุทูตระหว่างอยุธยาและชาติต่างๆ หลายครั้ง วรรณคดีที่เป็นหลักฐานสำคัญที่กล่าวถึงการเดินทางไปยังต่างแดนที่มีเชื่อเสียงคือ นิราศฝรั่งเศส ของ โกษาปาน ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์  หลังสมัยสมเด็จพระนารายณ์ การค้าขายติดต่อกับชาติตะวันตกลดน้อยลง หันไปค้าขายกับจีนมากขึ้น  และพยายามพัฒนาบ้านเมืองให้เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มีการส่งสมณทูตไปเผยแผ่ศาสนาโดยทั่วไป ที่สำคัญคือ เคยมีการส่งคณะสมณทูตไปยังลังกาทวีป และในลังกาเรียกนิกายสงฆ์ของตนว่า สยามวงศ์อีกด้วย
สมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์
เป็นความพยายามของพระมหากษัตริย์ทั้งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีและปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ที่พยายามจะทำฟื้นฟูความเป็นอยุธยาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จะพบว่า โครงสร้างของบ้านเมือง ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ จะคล้ายกับในสมัยอยุธยา